การถมดินจะมีการคิดราคากัน 2 แบบ แล้วแต่จะตกลงกัน ได้แก่ คิดราคาเป็นเที่ยว วิธีนี้จะเป็นการตกลงกันว่าจะใช้รถ 6 ล้อ หรือ 10 ล้อ ขนดินมาถมต่อเที่ยวคิดราคาเท่าไหร่ ซึ่งวิธีการแบบนี้จะเหมาะสำหรับการมีคนเฝ้าอยู่ที่หน้างานคอยจดบันทึกว่าได้มีการขนดินมาตามจำนวนรอบที่ได้ตกลงกันไว้หรือไม่ ส่วนอีกวิธีก็คือ การเหมาถม ซึ่งจะเป็นการประเมิณว่าพื้นที่ขนาดเท่านั้นเท่านี้ไหร่ต้องการถมพื้นให้สูงขึ้นจากเดิมหนึ่งเมตรครึ่งตีเป็นเงินเท่าไหร่คิดเหมาราคากันไปเลยนั่นเอง
ข้อควรระวัง
ส่วนมากแล้วผู้รับจ้างขนดินเขาก็จะรับขนอย่างเดียว แต่ที่ถูกต้องคือท่านเจ้าของบ้านควรให้ผู้รับเหมาบดอัดดินให้แน่นเป็นชั้นๆ เพื่อป้องกันการยุบตัวหรือดินทรุดตัวในอนาคตนั่นเอง
1. อิฐหัก
ได้แก่ เศษอิฐหรือขี้ปูนที่เกิดจากการทุบบ้านหรืออาคารเก่าไม่ว่าจะเป็นผนัง รั้วบ้าน พื้นบ้าน เสาคอนกรีต และอื่นๆ พวกขี้ปูนพวกนี้เขาก็จะมีคนรับซื้อเพื่อมาขายต่อใช้ในการถมดิน หรือถมที่ต่อไป สำหรับอิฐหักนี้ข้อเสียก็คือจะมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันเมื่อนำมาถมแล้วพื้นดินจะไม่แน่น อย่างไรก็ตามหากปลูกบ้านบนเสาเข็มที่ลึกพอก็จะไม่มีปัญหาทำให้ตัวบ้านทรุดแต่อาจจะมีปัญหาพื้นเป็นโพรงด้านล่าง
2. ทราย
การใช้ทรายถมจะดีกว่าใช้อิฐหักโดยจะเป็นทรายประเภทที่ไม่เหมาะนำไปใช้ผสมปูนทำคอนกรีต หรือทรายฉาบ เราก็จะเอาทรายประเภทดังกล่าวนี้มาเป็นทรายถม ซึ่งโดยปกติทรายประเภทนี้จะมีส่วนผสมของดินปะปนกันอยู่มีภาษาเรียกกันว่า "ทรายขี้เป็ด" ข้อดีคือถมได้แน่นกว่าอิฐหักแต่ราคาก็จะสูงกว่าตามไปด้วย
3. ดิน
ดิน หรือหน้าดินชั้นบนที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุต่างๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำมาใช้ สามารถปลูกต้นไม้ ปูสนามหญ้าจริงได้ ต่างจากวัสดุ 2 อย่างแรกแต่ราคาก็จะแพงกว่าเช่นกัน เคล็ดลับคือใช้อิฐหักหรือทรายขี้เป็ดถมบริเวณที่จะก่อสร้างตัวบ้าน ส่วนหน้าดินเหมาะใช้สำหรับถมบริเวณรอบๆตัวบ้านที่จะเอาไว้ปลูกต้นไม้ ปลูกหญ้า นั่นเอง เทคนิคนี้ก็จะช่วยประหยัดต้นทุนการถมดินไปได้พอสมควร
เป็นอย่างไรบ้างครับได้ทราบถึงวัสดุที่ใช้ในการถมดินก่อนปลูกบ้านกันไปแล้วว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงรูปแบบการถมที่แบ่งได้เป็น 2 ประเภททั้งแบบเหมาและแบบเที่ยว หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับท่านใดที่กำลังจะปลูกบ้านใหม่นะครับ และกลับมาพบกับพี่เข้กับสาระความรู้ดีๆเรื่องบ้านกันได้ใหม่ครั้งหน้าวันนี้พี่เข้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ