การซื้อขายที่ดิน เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรพิจารณาในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย หรือลงทุน เพราะที่ดินคือหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นทรัพย์ที่มีแต่จะทวีมูลค่าเพิ่มในอนาคต แต่ที่ดินมีความพิเศษตรงที่ไม่สามารถหาสินค้าทดแทนหรือเกิดขึ้นใหม่ได้ แต่สำหรับใครที่ตามที่ไม่เคยทำการซื้อขายที่ดิน มาก่อนเลย ก็จำเป็นจะต้องศึกษาการซื้อขายที่ดิน ให้ละเอียด เนื่องการจากกระบวนการการซื้อขายที่ดิน นั้นมีความซับซ้อนและมีขั้นตอนการซื้อขายที่ดินของกฎหมายการซื้อขายที่ดิน ไม่น้อย ดังนั้นในบทความนี้จะพาผู้อ่านทุกท่านมาทำความเข้าใจขั้นตอนการซื้อขายที่ดิน รวมถึงข้อกฎหมายการซื้อขายที่ดิน ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินอย่างละเอียด
แน่นอนว่าในการซื้อขายที่ดิน สิ่งที่จำเป็นต้องรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเลยก็คือข้อมูลในทุกด้านเกี่ยวกับที่ดิน พิจารณาและทบทวนอีกครั้งว่าการซื้อขายที่ดินครั้งนี้นั้นเรานั้นมีจุดประสงค์ในการซื้อเพื่ออะไร เพื่อพิจารณาองค์ประกอบในศักยภาพทำเลที่ดิน โดยปัจจัยที่สำคัญที่จำเป็นจะต้องพิจารณาในการซื้อขายที่ดิน มีดังนี้
แน่นอนว่าในการซื้ออะไรสักอย่าง ก็ต้องซื้อตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ไม่เว้นแม้แต่การซื้อขายที่ดินเช่นเดียวกัน โดยวัตถุประสงค์ที่จำเป็นต้องรู้ในการซื้อขายที่ดิน คือสิ่งที่จะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรต้องมองหาที่ดินในรูปแบบไหน ทำเลใด เพื่อกำหนดกรอบของการซื้อขายที่ดินให้แคบลงและไม่หลงทาง พร้อมทั้งยังสามารถประเมินงบประมาณการซื้อขายที่ดินในครั้งนี้ด้วย
หลังจากที่รู้จุดประสงค์ในการซื้อขายที่ดินจนถี่ถ้วนแล้วว่าเราต้องการซื้อขายที่ดินผืนนี้ไปเพื่อประกอบกิจการอะไร ซึ่งทำให้เราสามารถจะประเมินสภาพแวดล้อมของที่ดินในฝันที่เราต้องการได้ รวมไปถึงข้อจำกัดในเชิงกฎหมายและการใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น ๆ อาทิเช่น หากการซื้อขายที่ดินครั้งนี้ ซื้อไปเพื่อต้องการพัฒนาเป็นโกดังโรงงาน หรืออุตสาหกรรม ก็จะต้องดูว่าที่ดินในสภาพแวดล้อมทำเลนั้น ๆ สามารถทำได้หรือไม่ เป็นต้น นอกจากนั้นควรต้องดูเรื่องสภาพแวดล้อมที่ดินอื่น ๆ ที่เหมาะสม เช่น เคยเกิดภาวะน้ำท่วมหรือไม่ หรือหากเป็นพื้นที่ที่ราบ ควรดูว่าการระบายน้ำในวันฝนตกหนักเป็นอย่างไร
นอกจากนั้นสภาพแวดล้อมที่ควรจะพิจารณาในการซื้อขายที่ดิน คือควรต้องดูเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทางและการเข้าถึงเป็นหลัก โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักหรือถนนเส้นสำคัญ มีลักษณะช่องทางเป็นอย่างไร สามารถเข้าออกที่ดินได้กี่เส้นทาง แนวโน้มในอนาคตหรืออดีตที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เพื่อพิจารณาดูความเป็นไปได้ของการเติบโตของทำเลในอนาคต แต่ที่สำคัญก็คือในการซื้อขายที่ดินแปลงนั้น มีแนวโน้มที่จะถูกเวนคืนที่ดินในอนาคตหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง ในท้องที่ที่ดินนั้น ๆ หรือสำนักงานเขตที่ที่ดินนั้นสังกัดอยู่ การซื้อขายที่ดิน
จากการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบในที่ดินที่เราจะทำการซื้อขายที่ดินในข้อด้านบน ซึ่งมีในเรื่องของการดูแนวโน้มของการเติบโตของที่ดินและทำเลด้วย โดยสิ่งที่เราจะสามารถตรวจสอบได้ในเบื้องต้นโดยมีวิธีการไม่ยากเลย คือสามารถตรวจสอบราคาประเมินที่ดินกลาง ที่จัดทำการประเมินโดยกรมธนารักษ์ ซึ่งจะมีการประเมินทุกรอบ 4 ปี โดยสามารถดูราคาประเมินที่ดินก่อนทำการซื้อขายที่ดินได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของรายงานสรุปการประเมินที่ดินรายเขต รายโซน ซึ่งจะแสดงผลเป็นรายถนน หรือจะนำเลขโฉนดที่ดินที่ได้รับมา เข้าไปคุ้นหาที่ระบบค้นหาราคาประเมินที่ดิน เว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ ให้คลิกไปที่เขตหรือจังหวัดที่ต้องการ โดยจะแสดงผลแบบแผ่นที่หรือแบบดาวเทียม เราสามารถซูมเข้าหาตำแหน่งที่ดินที่เราจะทำการซื้อขายที่ดิน และเมื่อคลิกในตำแหน่งที่ดินดังกล่าว ก็จะมีรายละเอียดที่ดินที่เราต้องการทราบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเลขที่โฉนด ที่อยู่ พิกัดที่ดิน เลขที่ดิน ขนาดเนื้อที่ดิน หมายเลขระวาง และราคาประเมินที่ดินจากเลขที่โฉนด หรือราคาประเมินที่ดินจากเลขที่ดิน เป็นต้น
หลังจากที่รู้จุดประสงค์ของการซื้อขายที่ดินและพอจะทราบราคาประเมินที่ดิน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่แสดงถึงศักยภาพที่ดิน ก็อย่าลืมตรวจสอบประวัติในที่ดินให้ละเอียดก่อนที่จะทำการซื้อขายที่ดินด้วย เพราะอย่างไรก็ตาม หากเปรียบการซื้อขายที่ดินเป็นการมองคน ทั้งสามข้อด้านบนก็เป็นเหมือนการพิจารณาจากภายนอก โดยการตรวจสอบประวัติที่ดินก่อนจะทำการซื้อขายที่ดินคือการตรวจสอบประวัติของคนๆ นั้นให้ละเอียดเช่นกัน โดยสามารถตรวจสอบได้จากการสอบถามจากเพื่อนบ้านหรือชุมชนในละแวกใกล้เคียง เช่น ที่ดินแปลงนี้เคยพัฒนาเป็นอะไรมาก่อน มีการประกาศขายมาเป็นระยะเวลานานเท่าไรแล้ว ใครเป็นเจ้าของที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินมาก่อน หรือที่ดินแปลงนี้เคยมีประวัติของที่ดินติดจำนอง หรือถูกอายัดหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่สามารถหาคำตอบได้จากชุมชนในละแวกใกล้เคียงได้ ก็สามารถตรวจสอบได้ที่หน่วยงานราชการของรัฐ ว่าจะเป็นกรมโยธาธิการ และผังเมือง หรือกรมที่ดิน ที่แปลงที่ดินนั้นสังกัดอยู่ก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งของผู้ที่จะซื้อที่ดินหรือว่าจะขายที่ดิน ก็มีขั้นตอนการซื้อขายที่ดินที่ไม่แตกต่างกัน โดยขั้นตอนการซื้อขายที่ดินนั้นเกี่ยวพันกับเอกสารและกฎหมายการซื้อขายที่ดิน ที่มีความละเอียด เรามาเริ่มกันก่อนที่ขั้นตอนการซื้อขายที่ดิน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจและดำเนินการซื้อขายที่ดินได้อย่างมีความเข้าใจอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้ซื้อของผู้ขาย เมื่อทั้งสองตกลงกันว่าจะทำอย่างการซื้อขายที่ดินจริงจังแล้ว โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ทำการตกลงราคา ข้อเสนอ และระยะเวลาที่กำหนดว่าจะทำการซื้อขายที่ดินอย่างแน่นอนแล้ว ขั้นตอนการซื้อขายที่ดินต่อมาก็คือการทำสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งเป็นเอกสารที่มีผลผูกพันต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อขายที่ดิน โดยสัญญาจะซื้อจะชายที่ดิน เป็นขั้นตอนการซื้อขายที่ดินที่จะสามารถระบุรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดิน ว่าที่ดินที่จะทำการซื้อขายที่ดิน มีขนาดเนื้อที่เท่าไร ราคาซื้อขายที่ทำการตกลงกันไว้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นราคาเท่าไร มีการกำหนดระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์เมื่อไร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายการโอนค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือมีการรับผิดชอบร่วมกัน เงินจองหรือเงินมัดจำที่มีการตกลงกันไว้ มีการวางเงินมัดจำเป็นจำนวนเท่าไร โดยสัญญาจะซื้อจะขายมีรายละเอียดขั้นตอนการซื้อขายที่ดินที่สำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาดก็คือ ข้อความในสัญญาที่ได้มีการระบุว่าผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในวันเวลาใด และผู้ซื้อจะทำการชำระเงินให้ในวันเดียวกัน เพื่อเป็นสิ่งยืนยันและเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจเกิดการเปลี่ยนใจ และเป็นผลให้อีกฝ่ายต้องเสียผลประโยชน์ โดยหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินนี้ จะต้องมีการลงลายมือของทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และพยานลงในหนังสือสัญญาด้วย
สำหรับการซื้อขายที่ดินก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพิ่มเติมจากการซื้อขายที่ดินในวันที่มีการนัดโอนกรรมสิทธิ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าภาษี ค่าอากรแสตมป์ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ เป็นต้น โดยแต่ละค่าใช้จ่ายมีรายละเอียด ดังนี้
สำหรับในขั้นตอนการซื้อขายที่ดินในการเตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อมในวันที่ทำการซื้อขายที่ดิน ที่ต้องเตรียมไปในวันที่นัดโอนกรรมสิทธิ์ จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมทุกฉบับ โดยหากเอกสารสักฉบับใดฉบับหนึ่งไม่ครบ จะไม่สามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ซึ่งจะต้องทำการนัดหมายกันใหม่เท่านั้น ทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่ดินต้องเสียประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
เอกสารที่ผู้ขายจะต้องเตรียมไปในวันโอนกรรสิทธิ์ ได้แก่
เอกสารที่โดยสำหรับผู้ซื้อจะต้องเตรียมไปในวันโอนกรรสิทธิ์ ได้แก่
จริง ๆ แล้วในด้านกฎหมายการซื้อขายที่ดิน มีรายละเอียดของเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็น โดยเฉพาะในเรื่องของหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ ในที่ดิน ที่เป็นกฎหมายการซื้อขายที่ดิน ที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก เนื่องจากในปัจจุบันมีมิจฉาชีพ ผู้ไม่หวังดี หรือกลโกงเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ในที่ดินมากมาย เพราะเป็นเอกสารที่มีข้อผูกพันทางกฎหมายที่ต้องใช้การตรวจสอบอย่างละเอียดและมีขั้นตอน ทำให้หลายคนที่ไม่อยากจะทำขั้นตอนที่ยุ่งยากนี้ต้องละเลยการตรวจสอบไป ทำให้พลาดจนต้องกุมขมับเพราะเป็นเหยื่อของกลโกงมาแล้วหลายราย
สำหรับเอกสารกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินมีด้วยกันหลายประเภท และไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ทุกประเภท ที่จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ จดจำนอง หรือซื้อขายให้แก่กันได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำการซื้อขายที่ดิน ผู้ซื้อควรต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ผู้ขายนำมาตรวจสอง โดยพิจารณาดูว่าเอกสารสิทธิ์นั้นมีเชื่อเรียกว่าอะไร โดยได้แก่
สำหรับผู้ซื้อที่กำลังจะทำการซื้อที่ดิน นอกจากในเรื่องของเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่จำเป็นจะต้องตรวจสอบแล้ว การครอบครองสิทธิ์ในที่ดินก็เป็นเรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด โดยควรต้องตรวจสอบว่าชื่อผู้ครอบครองที่ดินคนล่าสุดนั้น เป็นคนเดียวกับคนที่เราจะทำการซื้อที่ดินหรือไม่ หรือถ้าหากมีการมอบอำนาจให้ตัวแทนเป็นผู้มาดำเนินการ ผู้ซื้อจะต้องร้องขอเอกสารการมอบอำนาจ ที่มีลายเซ็นของผู้ครอบครองที่ดินคนล่าสุดเท่านั้น โดยสามารถตรวจสอบผู้ครอบครองที่ดินคนปัจจุบันได้จากด้านหลังของโฉนดที่ดิน ซึ่งจะระบุรายชื่อผู้เข้าครอบครองที่ดินในโฉนดตั้งแต่คนแรกถึงปัจจุบัน โดยให้นำรายชื่อผู้ครอบครอง เลขโฉนด หรือรายละเอียดอื่นๆ ที่ปรากฏในโฉนดที่ดิน ไปตรวจสอบกับเจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อความถูกมากที่สุด เพราะบ่อยครั้งมักจะมีการสวมรอยการสวมสิทธิ์ในที่ดิน สวมรอยการทำใบมอบอำนาจ หรือการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งหากไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย
ล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.2562 ได้มีพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ โดยมีใจความสำคัญก็คือ ไม่ว่าจะเป็นการโอนที่ดิน หรือคอนโดมิเนียมที่มีเอกสารสิทธิ์เป็นเอกสาร น.ส. 3 จะมีการคำนวณค่าธรรมเนียมจากราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ หรือแจ้งจากราคาซื้อขายจริง อย่างใดอย่างหนึ่งที่แพงกว่า โดยจะคิดค่าธรรมเนียมการโอนจากราคาประเมินที่ดินเท่านั้น โดยราคาประเมินนี้จะอ้างอิงมาจากบัญชีราคาประเมินใหม่ ที่ออกโดยคณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ไม่ใช่จากบัญชีประเมินของกรมธนารักษ์ และในระหว่างที่บัญชีราคาประเมินยังไม่เสร็จ ก็ให้ใช้บัญชีราคาประเมินเดิมของกรมธนารักษ์ก่อน ส่วนสำหรับในกรณีการจดทะเบียนสิทธิ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่การโอนกรรสิทธิ์ เช่น การจำนอง การขึ้นเงิน ก็ให้ใช้ตามราคาทุนทรัพย์จริงที่แจ้งเพียงอย่างเดียว โดยจะไม่ใช้ราคาประเมิน และในบัญชีราคาประเมินใหม่ฉบับนี้ จะทำโดยคณะกรรมการร่วมที่มาจากทั้งฝ่ายคลัง สรรพากร และกรมธนารักษ์ในทุกจังหวัด โดยจะทำทุก ๆ 4 ปี
แม้ว่าเรื่องของการซื้อขายที่ดิน จะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน มีรายละเอียดมาก และมีขั้นตอนการซื้อขายที่ดินหลากหลายขั้นตอน แต่ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายที่ดิน สามารถดำเนินการซื้อขายที่ดิน ได้อย่างถูกต้องตามกระบวนการทางกฎหมายการซื้อขายที่ดิน สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากที่ดินเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เป็นทรัพย์ที่ครอบครองแล้วทำประโยชน์ได้มหาศาล และยังเป็นทรัพย์ที่จะไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อีก มีแต่ต้องเปลี่ยนมือส่งให้แก่กันเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะมีรายละเอียดที่ยุ่งยากซับซ้อนและต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ แต่ก็ขอให้ผู้ซื้อผู้ขายที่ดินทุกท่านตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันกลโกงทุกรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องในปัจจุบันมีมิจฉาชีพและผู้ไม่ประสงค์ดีที่เริ่มทำการโกงการซื้อขายที่ดิน กันเป็นขบวนการ นอกจากรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของการซื้อขายที่ดิน แล้ว ยังมีในเรื่องของการเข้าครอบครองและข้อกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินอื่นๆ อีก ที่มักจะเป็นข้อพิพาทเสมอ ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขาย หรือแม้แต่ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินทุกคน ควรศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อสามารถรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตทุกรูปแบบได้
เพื่อน ๆ สามารถติดตามและอัพเดทข่าวอสังหา พร้อมอ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับที่ดิน และปัญหาสารพันเกี่ยวกับคอนโดมิเนียม ได้ที่นี่ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ